แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แหล่งการเรียนรู้นอกห้องเรียนเป็นฐาน
สาระที่
3 การฟัง การดู การพูด
|
เวลา
9 ชั่วโมง
|
|
หน่วยการเรียนรู้ที่
5 คำในภาษาไทย
|
||
กลุ่มสาระการเรียนรู้
วิชาภาษาไทย
|
ชั้นประถมศึกษาปีที่
4
|
1.
สาระสำคัญ
สำนวน ใช้เป็นข้อคิดแก่ผู้ฟังและผู้อ่านในด้านต่างๆ
การแสดงความคิดเห็นเชิงวิจารณ์ จำแนกข้อเท็จจริง
2. ตัวชี้วัดช่วงชั้น
ท 1.1
ป.4/4 แยกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นจากเรื่องที่อ่าน
ท 3.1
ป.4/1 จำแนกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นจากเรื่องที่ฟังและดู
ป.4/3 พูดแสดงความรู้ ความคิดเห็น และความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องที่ฟังและดู
ท 4.1 ป.4/6 บอกความหมายของสำนวน
ป.4/3 พูดแสดงความรู้ ความคิดเห็น และความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องที่ฟังและดู
ท 4.1 ป.4/6 บอกความหมายของสำนวน
3.
จุดประสงค์การเรียนรู้ (เขียนให้ครอบคลุม KPA)
1. บอกความหมายของสำนวนที่กำหนดให้ได้
2. จำแนกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นจากเรื่องที่อ่าน ฟัง หรือดูได้
3. พูดหรือเขียนแสดงความคิดเห็นจากเรื่องที่อ่าน ฟัง หรือดูได้
4. เขียนจดหมายถึงเพื่อนและญาติผู้ใหญ่ได้
2. จำแนกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นจากเรื่องที่อ่าน ฟัง หรือดูได้
3. พูดหรือเขียนแสดงความคิดเห็นจากเรื่องที่อ่าน ฟัง หรือดูได้
4. เขียนจดหมายถึงเพื่อนและญาติผู้ใหญ่ได้
4.
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ด้านความรู้ (K)
|
ด้านคุณธรรม
จริยธรรม
และค่านิยม (A)
|
ด้านทักษะ/กระบวนการ
(P)
|
1.
ทดสอบก่อนเรียน
2.
ซักถามความรู้เรื่องถ้อยคำสำนวนไทย
3.
ตรวจผลงาน/กิจกรรมเป็น
รายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม
|
1.ประเมินพฤติกรรมในการ
ทำงานเป็นกลุ่มในด้าน
ความมีส่วนเรียนในการ
ใฝ่เรียนรู้ ฯลฯ |
1.ประเมินพฤติกรรมในการ
ทำงานเป็นรายบุคคลและเป็น
กลุ่มในด้านการสื่อสาร การคิด
การออกแบบผลงาน ฯลฯ
|
5.
สาระการเรียนรู้
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
1. การอ่านจับใจความจากสื่อต่างๆ เช่น
- เรื่องสั้นๆ
- เรื่องเล่าจากประสบการณ์
- นิทานชาดก
- บทความ
- บทโฆษณา
- งานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ
- ข่าวและเหตุการณ์ประจำวัน
- สารคดีและบันเทิงคดี
2. การเขียนจดหมายถึงเพื่อนและบิดามารดา
3. การจำแนกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นจากเรื่องที่ฟังและดูในชีวิตประจำวัน
4. การจับใจความและการพูดแสดงความรู้ ความคิดในเรื่องที่ฟังและดูจากสื่อต่างๆ เช่น
- เรื่องเล่า
- บทความสั้นๆ
- ข่าวและเหตุการณ์ประจำวัน
- โฆษณา
- สื่ออิเล็กทรอนิกส์
- เรื่องราวจากบทเรียนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย และกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น
5. สำนวนที่เป็นคำพังเพยและสุภาษิต
1. การอ่านจับใจความจากสื่อต่างๆ เช่น
- เรื่องสั้นๆ
- เรื่องเล่าจากประสบการณ์
- นิทานชาดก
- บทความ
- บทโฆษณา
- งานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ
- ข่าวและเหตุการณ์ประจำวัน
- สารคดีและบันเทิงคดี
2. การเขียนจดหมายถึงเพื่อนและบิดามารดา
3. การจำแนกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นจากเรื่องที่ฟังและดูในชีวิตประจำวัน
4. การจับใจความและการพูดแสดงความรู้ ความคิดในเรื่องที่ฟังและดูจากสื่อต่างๆ เช่น
- เรื่องเล่า
- บทความสั้นๆ
- ข่าวและเหตุการณ์ประจำวัน
- โฆษณา
- สื่ออิเล็กทรอนิกส์
- เรื่องราวจากบทเรียนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย และกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น
5. สำนวนที่เป็นคำพังเพยและสุภาษิต
6. แนวทางบูรณาการ
ศิลปะ -------> วาดภาพให้คล้องจองกับถ้อยคำสำนวนไทย
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 นำเข้าสู่บทเรียน
1. ครูติดบัตรคำ 10 ใบ
บนกระเป๋าผนัง ดังนี้
น้ำ ปลา มด มา กิน
ลด กิน น้ำ มด ปลา
2. ครูสุ่มเรียกตัวแทนนักเรียน 1 คน มาเรียงบัตรคำให้เป็นสำนวน ซึ่งจะได้ว่า
- น้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา (หมายถึง ทีใครทีมัน)
แล้วให้นักเรียนช่วยกันอธิบายความหมายของสำนวนตามความเข้าใจ
น้ำ ปลา มด มา กิน
ลด กิน น้ำ มด ปลา
2. ครูสุ่มเรียกตัวแทนนักเรียน 1 คน มาเรียงบัตรคำให้เป็นสำนวน ซึ่งจะได้ว่า
- น้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา (หมายถึง ทีใครทีมัน)
แล้วให้นักเรียนช่วยกันอธิบายความหมายของสำนวนตามความเข้าใจ
ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้
3. ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับ
ถ้อยคำสำนวนไทย
และให้นักเรียนศึกษาความรู้เรื่องสำนวนไทย จากหนังสือเรียน
จากนั้นครูซักถามนักเรียนโดยใช้คำถาม ดังนี้
- สำนวน มีลักษณะเด่นอย่างไร (ถ้อยคำกระชับคมคาย มีความหมายเชิงเปรียบเทียบ)
- คำพังเพย มีลักษณะเด่นอย่างไร (มีคำคล้องจองให้จำง่าย ใช้การเปรียบเทียบกับสิ่งที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน เป็นเรื่องใกล้ตัวเกี่ยวกับการดำเนินชีวิต)
- สุภาษิต มีลักษณะเด่นอย่างไร (สอนให้ประพฤติดีงาม)
- สำนวน มีลักษณะเด่นอย่างไร (ถ้อยคำกระชับคมคาย มีความหมายเชิงเปรียบเทียบ)
- คำพังเพย มีลักษณะเด่นอย่างไร (มีคำคล้องจองให้จำง่าย ใช้การเปรียบเทียบกับสิ่งที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน เป็นเรื่องใกล้ตัวเกี่ยวกับการดำเนินชีวิต)
- สุภาษิต มีลักษณะเด่นอย่างไร (สอนให้ประพฤติดีงาม)
4. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้
โดยแสดงเป็นแผนภาพบนกระดาน
5. ครูให้นักเรียนช่วยกันจำแนกข้อความที่ครูอ่าน ว่าเป็น สำนวน คำพังเพย
หรือสุภาษิต ได้แก่
- งูๆ ปลาๆ (สำนวน)
- อดเปรี้ยวไว้กินหวาน (สุภาษิต)
- อย่าตีงูให้หลังหัก (คำพังเพย)
- ตีนเท่าฝาหอย (สำนวน)
- พูดดีเป็นศรีแก่ตัว (สุภาษิต)
- มือถือสาก ปากถือศีล (คำพังเพย)
- อดเปรี้ยวไว้กินหวาน (สุภาษิต)
- อย่าตีงูให้หลังหัก (คำพังเพย)
- ตีนเท่าฝาหอย (สำนวน)
- พูดดีเป็นศรีแก่ตัว (สุภาษิต)
- มือถือสาก ปากถือศีล (คำพังเพย)
6. ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับความหมายของสำนวน คำพังเพย และสุภาษิต
ที่ครูอ่าน
ขั้นที่ 4
นำไปใช้
7. นักเรียนทำใบงานที่ 2.1 ถ้อยคำสำนวนไทย โดยให้นักเรียนบอกความหมายของสำนวนที่กำหนด
8. ครูให้นักเรียนทำชิ้นงาน/ภาระงาน ใบงานที่ 2.2 เรื่อง ถ้อยคำสำนวนไทยที่ฉันชอบ โดยให้นักเรียนบอกความหมายของสำนวนที่กำหนด แล้วแต่งประโยคจากสำนวนนั้น
ขั้นที่ 5 สรุป
9. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง
ถ้อยคำสำนวนไทย
8. กิจกรรมเสนอแนะ
ครูให้นักเรียนไปค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องถ้อยคำสำนวนไทยจากแหล่งการเรียนรู้เช่น ห้องสมุดโรงเรียนหรืออินเทอร์เน็ต
9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1. หนังสือเรียน ภาษาไทย (หลักภาษาและการใช้ภาษา)
ป.4
2. แบบฝึกหัด ภาษาไทย ป.4
3. บัตรคำ
4. กระเป๋าผนัง
5. บทความหรือข่าวจากหนังสือพิมพ์
6. ใบความรู้
7. ใบงานที่ 2.1 เรื่อง ถ้อยคำสำนวนไทย
8. ใบงานที่ 2.2 เรื่อง ถ้อยคำสำนวนไทยที่ฉันชอบ
แหล่งการเรียนรู้
1. ห้องสมุด
2. อินเทอร์เน็ต
2. แบบฝึกหัด ภาษาไทย ป.4
3. บัตรคำ
4. กระเป๋าผนัง
5. บทความหรือข่าวจากหนังสือพิมพ์
6. ใบความรู้
7. ใบงานที่ 2.1 เรื่อง ถ้อยคำสำนวนไทย
8. ใบงานที่ 2.2 เรื่อง ถ้อยคำสำนวนไทยที่ฉันชอบ
แหล่งการเรียนรู้
1. ห้องสมุด
2. อินเทอร์เน็ต
10. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
1. ความสำเร็จในการจัดการเรียนรู้
แนวทางการพัฒนา
2.
ปัญหา/อุปสรรคในการจัดการเรียนรู้
แนวทางแก้ไข
3.
สิ่งที่ไม่ได้ปฏิบัติตามแผน
เหตุผล
ภาพแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้
![]() |
![]() |
ลงชื่อ ผู้เขียนแผน
/ /
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น